Google เปิดตัวบริการ 4K Plus ที่ให้ผู้ใช้งานได้รับชมถ่ายทอดสดกีฬาในระดับความคมชัดแบบ 4K และฟังก์ชั่นใหม่อื่น ๆ บนบริการ YouTube TV เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2564 ทาง Youtube ได้เปิดตัวการให้บริการ 4K Plus ที่จะเปิดให้ผู้ใช้งานได้รับชมเนื้อหาต่าง ๆ ในระดับความคมชัดแบบ 4K และฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่ใช้งานคู่กัน รวมถึงสำหรับผู้ที่รับชมการถ่ายทอดสดกีฬาบน Youtube TV ด้วย
โดยในเชิงรายละเอียดของบริการ 4K Plus นั้น มีด้วยกันดังนี้
สามารถรับชมเนื้อหาบน Youtube TV ได้ในระดับความคมชัดภาพแบบ 4K บนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รองรับการใช้งาน และความคมชัดภาพแบบเดียวกัน
ทำการดาวน์โหลดเนื้อหาที่ต้องการรับชมเพื่อดูในรูปแบบ Offline ได้ – เหมือนกับ DVR ที่ผู้ใช้งานจะสามารถบันทึกเนื้อหาที่ต้องการ และดาวน์โหลดเก็บไว้เพื่อดูในรูปแบบ Offline ได้
สามารถใช้งานบริการได้อย่างไม่จำกัด – ผู้ใช้งานสามารถปล่อยใช้ให้งานบริการได้อย่างไม่จำกัด ในพื้นที่ของคุณ เมื่อเทียบกับบริการปกติ ที่จำกัดไว้ที่ 3 ช่องทางเท่านั้น
ในส่วนของฟังก์ชั่นใหม่เพิ่มเติมนั้น ก็มีรายละเอียดดังนี้
ภายหลังจากที่ได้มีการเปิดตัวในระบบที่เปิดให้รับชมส่วนหนึ่ง/ช่วงหนึ่ง (Segments) ของรายการได้แล้วนั้น ก็ได้มีการปรับใช้งานกับการถ่ายทอดสดกีฬา ที่จะให้ผู้ใช้งานสามารถจะเลือกไปยังคู่/ช่วงแข่งขันที่ต้องการได้ ในกรณีที่เปิดวิดีโอบันทึก (DVR) หรือรายการถ่ายทอดสดย้อนหลัง
สามารถทำการค้นหา แล้วบันทึกการถ่ายทอดกีฬาที่ต้องการในรูปแบบ DVR ได้ – Youtube TV อำนวยความสะดวกในการค้นหา และเปิดให้สามารถบันทึกเป็น DVR ได้โดยไม่คิดปริมาณจัดเก็บ
สามารถรับชมข้อมูลรางวัลในการแข่งขันกีฬานั้น ๆ ได้ – โดยจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลจำนวนเหรียญรางวัลที่ได้มอบไปแล้วในการแข่งขันรายการที่ถ่ายทอดสด (กรณีโอลิมปิก หรือการแข่งขันระดับชาติ)
ราคาของบริการ 4K Plus นั้นจะเป็นการเพิ่มขึ้นมาอีก $19.99 (641.77 บาท) ต่อเดือน สำหรับในเวลานี้ผู้ใช้งานใหม่จะสามารถทดลองใช้งานได้ฟรีเป็นเวลา 1 เดือน และหลังจากนั้นจะเก็บค่าบริการจำนวน $9.99 (320.73 บาท) ต่อเดือน เป็นเวลา 1 ปี
นอกจากนี้แล้วยังได้มีการเสริมความสามารถในการนำเสนอคุณภาพเสียงระดับ 5.1 Dolby ให้แก่ผู้ใช้งาน Youtube TV ในทุกระดับ
และได้เน้นกลุ่มลูกค้าที่ใช้เพื่อการสันทนาการและความบันเทิงภายในบ้านประเภท 4K หรือ Laser TV โปรเจคเตอร์แทน จึงทำให้เรายังสามารถโตได้ในสภาวะวิกฤติที่หนักในปี 2020 เมื่อเทียบกับ 2019 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นายวัชรพงษ์ ยังได้กล่าวถึงความสำเร็จของจอภาพ Interactive Flat Panel (IFP) ว่า ด้านผลิตภัณฑ์กลุ่ม IFP หรือจอภาพแบบทัชสกรีน ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งทางเบ็นคิวประเทศไทยได้เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2016 และในปี 2017 มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 2.72% จนกระทั้งในปี 2020 นั้นเบ็นคิวประเทศไทย มีส่วนแบ่งทางการตลาดของจอภาพ IFP 9.51% ครองอันดับที่ 4 ซึ่งถือว่าเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปีก่อน และจากการสร้างแบรนด์เชิงลึกโดยเลือกเจาะเฉพาะกลุ่มตลาดการศึกษาเอกชน
Infinix เปิดตัว Concept Phone 2021 รองรับชาร์จไว 160W
30 มิถุนายน 2564, กรุงเทพฯ – อินฟินิกซ์ (Infinix) แบรนด์สมาร์ตโฟนระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในต่างประเทศและประเทศไทย ประกาศเปิดตัว คอนเซ็ปต์ของสมาร์ตโฟนที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีด้วยนวัตกรรมและการดีไซน์สุดสร้างสรรค์ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตการออกแบบสมาร์ตโฟนที่ล้ำทันสมัยกับ Infinix Concept Phone 2021
ครั้งแรกกับการผสานความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการออกแบบฝาหลังที่สามารถเปลี่ยนสีได้ เข้ากับเทคโนโลยี การชาร์จไว 160W พร้อมรองรับระบบการชาร์จแบบไร้สายที่เร็วถึง 50W และประสิทธิภาพการป้องกันความปลอดภัยสูงสุด ที่มีความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิแบบใหม่ เพื่อช่วยจัดการอุณหภูมิเวลาชาร์จไม่ให้ร้อนเกินไป ซึ่งอินฟินิกซ์ได้เดินหน้าพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ บนสมาร์ตโฟน เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานและตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว
เจสซี่ จาง ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนาของอินฟินิกซ์ กล่าวว่า “ปัจจุบันสมาร์ตโฟนในตลาดมีราคาสูงและไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้ทุกคน อินฟินิกซ์จึงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมสำหรับผู้บริโภคในราคาที่จับต้องได้ นอกเหนือจากนั้นแล้วการสร้างเทคโนโลยีที่มีคุณค่าถือเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เกิด Infinix Concept Phone 2021 และในฐานะที่เราเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการอุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยี Infinix Concept Phone เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ของอินฟินิกซ์ต่อไปได้ในอนาคต”
ครั้งแรกกับ Infinix Concept Phone 2021 ที่ผสมผสานเทคโนโลยีจากอิเล็กโตรโครมิกและอิเล็กโตรลูมิเนสเซนต์เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์ฝาหลังที่โดดเด่นด้วยลูกเล่นที่เปลี่ยนสีได้ โดยใช้ไฟฟ้าเป็นตัวดำเนินการและใช้แสงเป็นสื่อกลาง โดยฝาด้านหลังของสมาร์ตโฟนจะเปลี่ยนเป็นสีเทาและสีน้ำเงินเมื่อมีสายเรียกเข้า ส่วนในเวลาที่ชาร์จอุปกรณ์ฝาด้านหลังของสมาร์ตโฟนจะเปลี่ยนสีและมีแฟลชกะพริบตรงกลางเครื่อง
โดยสมาร์ตโฟนต้นแบบนั้น ได้มีการใช้ฟิล์มอิเล็กโตรโครมิกแบบแข็ง (SECF) ที่มีลักษณะบางเป็นพิเศษ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ประหยัดพลังงานและมีความโปร่งใส รวมเข้ากับฟิล์มอิเล็กโตรลูมิเนสเซนส์ (EL) เพื่อเป็นแนวทางนำไปสู่การต่อยอดพัฒนาในอนาคตกับสมาร์ตโฟนที่สามารถเปลี่ยนสีได้
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น